ไม่ว่าวัยไหน หัวใจยังแข็งแรง

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมช่วยให้หัวใจแข็งแรง
พฤติกรรมการใช้ชีวิตและการรับประทานอาหารมีผลโดยตรงต่อสุขภาพหัวใจ รวมถึงระบบต่างๆ ในร่างกายด้วย การที่คุณใช้ชีวิตอย่างเหมาะสมย่อมทำให้มีสุขภาพร่างกายและหัวใจที่แข็งแรง โดยจะแบ่งออกเป็นแนวทางง่ายๆ ที่แค่ปฏิบัติตามก็มีสุขภาพหัวใจที่แข็งแรง ดังนี้
1. ออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อหัวใจที่แข็งแรง
การออกกำลังกายไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ทำให้ร่างกายแข็งแรงได้ แต่การออกกำลังกายเพื่อทำให้หัวใจแข็งแรงนั้น จะต้องทำการออกกำลังกายแบบใช้ออกซิเจน อย่างน้อยประมาณ 20-30 นาทีต่อครั้ง อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน ก็จะช่วยให้หัวใจของคุณแข็งแรงขึ้น
วิธีการออกกำลังแบบใช้ออกซิเจนนั้น สังเกตง่ายๆ จากการที่เราจะมีอาการเหนื่อยหอบ แต่ยังสามารถพูดได้ตามปกติ หากเรามีอุปกรณ์ที่สามารถวัดการเต้นของหัวใจขณะออกกำลังกายได้ อัตราการเต้นของหัวใจที่ควรจะเป็นคือ 60-70% ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุดนั่นเอง
2.เลือกรับประทานอาหารบำรุงหัวใจให้แข็งแรง
อาหารที่ช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรงมีอยู่หลากหลาย หลักการรับประทานอาหารเพื่อช่วยให้หัวใจแข็งแรงแบบง่ายๆ ก็คือการรับประทานอาหารเพื่อลดไขมันในเส้นเลือด ดังนี้ รับประทานอาหารไขมันต่ำ โปรตีนสูง เช่น เนื้อไม่ติด เนื้อไก่ เนื้อปลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งปลาทะเล จะมีกรดไขมันที่ดีช่วยในเรื่องการลดไขมันในหลอดเลือดได้อีกด้วย
- รับประทานผักผลไม้ให้มากขึ้น อาหารจำพวกนี้อุดมไปด้วยวิตามินแร่ธาตุ และใยอาหาร ช่วยในเรื่องของการลดไขมันในเส้นเลือด ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดและหัวใจ
- รับประทานธัญพืชไม่ขัดสีเป็นประจำ ช่วยควบคุมความดันโลหิต ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจได้เป็นอย่างดี
- เลิกรับประทานอาหารรสจัด เช่น รสเค็มจัด นอกจากจะส่งผลเสียโดยตรงต่อไตแล้ว โซเดียมคลอไรด์ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจอีกด้วย โดยปริมาณโซเดียมต่อวันไม่ควรเกิน 2,300 มิลลิกรัม (เกลือ 1 ช้อนชา หรือ น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ)
- หลีกเลี่ยงไขมันไม่ดีที่ทำลายสุขภาพ เช่น ไขมันจากสัตว์ที่อยู่ในรูปของน้ำมัน เนย หรือครีม เพราะเป็นแหล่งสำคัญของไขมันอิ่มตัวชนิดไม่ดี และคอเลสเตอรอล รวมถึงไขมันทรานส์ด้วย
- ลดหรืองดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะเป็นการเพิ่มอัตราเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ โดยเฉพาะเป็นอย่างเฉียบพลัน เนื่องจากเครื่องดื่มเหล่านี้เมื่อดื่มเข้าไปแล้วจะสังเกตได้ว่า เลือดจะสูบฉีดมากกว่าปกตินั่นเอง
3. ความเครียดเป็นปัจจัยหนึ่งในการทำร้ายหัวใจ
ในช่วงที่เครียดหรือกังวล หัวใจจะทำงานหนักกว่าปกติ เพราะเหตุนี้ความเครียดจึงถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ลดความแข็งแรงของหัวใจลงโดยไม่รู้ตัว
4. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงก็ช่วยให้หัวใจแข็งแรง
การพักผ่อนที่ดีที่สุดคือ การนอนหลับสนิท ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่หัวใจของเราจะได้พักผ่อนไปด้วย การนอนหลับอย่างเพียงพอ จึงถือเป็นการช่วยให้หัวใจของเรากลับมาทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในวันถัดไปนั่นเอง
5. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ปัจจัยเสี่ยงหนึ่งของการเป็นโรคหัวใจคือโรคเบาหวาน ดังนั้นการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจได้
6. ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
การควบคุมน้ำหนักตัวนี้อาศัยการคำนวณค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index) ซึ่งคำนวณดังสูตร
BMI = น้ำหนัก (กิโลกรัม) / ส่วนสูง (เมตร) 2
โดยค่า BMI ที่เหมาะสมจะอยู่ในช่วง 18.5–24.9 กิโลกรัม/เมตร
ตรวจสุขภาพประจำปีและตรวจสุขภาพหัวใจเพื่อคัดกรองความเสี่ยง
การตรวจสุขภาพหัวใจมีหลายรูปแบบ สามารถตรวจได้เป็นประจำทุกปี และยังสามารถตรวจได้ด้วยตนเองหรือเข้ารับการตรวจสุขภาพหัวใจโดยแพทย์
โดยการตรวจสุขภาพหัวใจด้วยตนเองมีดังนี้
1. การวัดความดันโลหิต ค่าความดันปกติ ตัวบนจะอยู่ที่ 120 ส่วนตัวล่างจะไม่เกิน 90
2. การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ: อัตราการเต้นของหัวใจในคนปกติอยู่ที่ประมาณ 60-100 ครั้งต่อนาที
โดยการตรวจสุขภาพหัวใจโดยแพทย์มีดังนี้
1. การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG/EKG) ตรวจจับกิจกรรมทางไฟฟ้าของหัวใจ เพื่อหาความผิดปกติของการเต้นของหัวใจ, กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือหัวใจวาย
2.การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (Exercise Stress Test: EST) ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะออกกำลังกายบนลู่วิ่งหรือจักรยาน เพื่อดูการทำงานของหัวใจเมื่อต้องออกแรงมากขึ้น
3.การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (Echocardiography: ECHO) ใช้อัลตราซาวด์สร้างภาพหัวใจ เพื่อประเมินการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ ลิ้นหัวใจ และการไหลเวียนของเลือด
การตรวจสุขภาพประจำปีจะช่วยคัดกรองปัญหาสุขภาพ ก่อนที่จะก่อโรคหรือสามารถพบโรคได้ตั้งแต่ระยะแรก ซึ่งจะทำให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด และหากใครกังวลหรือคิดว่ามีความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด สามารถตรวจคัดกรองด้วยการตรวจเอกซเรย์ทรวงอกและคลื่นไฟฟ้าหัวใจ การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะออกกำลังกาย ตลอดจนการตรวจหาแคลเซียมหินปูนที่ผนังหลอดเลือดหัวใจและตรวจหลอดเลือดหัวใจตีบด้วยเทคนิคการทำ CT Scan

ตรวจคัดกรองโรคหัวใจ EST 4,590 บาท >> https://bangpakok8.com/package/view/90
ตรวจคัดกรองโรคหัวใจ ECHO 6,900 บาท >> https://bangpakok8.com/package/view/89
สนใจแพกเกจ หรือ แจ้งนัดหมาย Add LineOA : https://lin.ee/cbtHx5L
**หากซื้อผ่านระบบออนไลน์ ขอสงวนสิทธิ์ไม่คืนเงินทุกกรณี แต่สามารถโอนสิทธิ์คำสั่งซื้อให้บุคคลอื่นได้ **
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โทร 02-109-8111
ติดตามช่องทางออนไลน์อื่นๆ ของโรงพยาบาลบางปะกอก 8
Facebook : https://www.facebook.com/Bangpakok8
Tiktok : https://www.tiktok.com/@bangpakok8hospital
Instagram : https://www.instagram.com/bangpakok8hospital
LineOA : https://lin.ee/cbtHx5L